Page 22 - คู่มือพืช - ไร่
P. 22
คู่มือพืชไร่ - นา
ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมสูง ดินที่เหมาะสมส�าหรับการ ได้รับการรับรองเป็นพันธุ์ส่งเสริมจากกระทรวงเกษตรและ
ปลูกข้าวโพดควรมี pH ระหว่าง ๕.๕ - ๘ สหกรณ์ ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกในชื่อพันธุ์สุวรรณ ๑ ปัจจุบัน
พันธุ์สุวรรณ ๑ ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ต่อถึงรอบคัดเลือก
พันธุ์ข้าวโพดไร่ ที่ ๑๑ ท�าให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ๓ - ๕% ต่อรอบคัดเลือก และมี
พันธุ์ผสมเปิด ลักษณะทางการเกษตรต่าง ๆ ดีขึ้นกว่ารอบคัดเลือกแรก ๆ
พันธุ์สุวรรณ ๑ ให้ผลผลิตเฉลี่ย ๗๑๙ - ๑,๐๗๐ กก./ไร่ พันธุ์สุวรรณ ๒ เป็นพันธุ์อายุเก็บเกี่ยวเร็ว ๙๐ - ๑๐๐
ปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมที่กว้าง ต้านทานต่อโรคราน�้าค้าง วัน ให้ผลผลิตต�่า ประมาณ ๕๗๐ - ๘๕๖ กก./ไร่ สามารถ
และโรคทางใบอื่น ๆ อายุเก็บเกี่ยว ๑๑๐ - ๑๒๐ วัน มีความสูงต้น ปลูกจ�านวนต้นต่อพื้นที่มากกว่าพันธุ์สุวรรณ ๑ โดยมีต้นหัก
ประมาณ ๒.๐๐ - ๒.๓๐ เมตร เมล็ดมีสีส้มเหลืองชนิดหัวแข็ง ล้มน้อย ต้านทานโรคราน�้าค้างได้ดี เมล็ดมีสีเหลืองชนิดหัวแข็ง
ประวัติการสร้างพันธุ์ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๒ - ๒๕๑๓ ปัจจุบันใช้เป็นพันธุ์ข้าวโพดฝักอ่อน
ท�าการผสมรวมข้าวโพด ๓๖ พันธุ์ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ดีน�ามาจาก ประวัติการสร้างพันธุ์ เป็นพันธุ์ที่มีบรรพบุรุษร่วมกับ
หมู่เกาะคาร์ริเบียน ๑๖ พันธุ์ ประเทศเม็กซิโกและอเมริกากลาง พันธุ์สุวรรณ ๑ แต่ได้มีการคัดเลือกต้นที่มีอายุออกดอกเร็ว
๖ พันธุ์ อเมริกาใต้ ๕ พันธุ์ และจากแหล่งอื่น ๆ รวมทั้ง ออกมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ แล้วตั้งชื่อเป็นพันธุ์ไทยคอมพอสิต
สหรัฐอเมริกาอีก ๔ พันธุ์ และตั้งชื่อพันธุ์นี้ว่า ไทยคอมพอสิต เบอร์ ๑ เออร์ลี่ ดีเอ็มอาร์ (Thai Composite # 1 early
เบอร์ ๑ ดีเอ็มอาร์ (Thai Composite # 1 DMR) หลังจากนั้น DMR) แล้วน�าไปผสมกับพันธุ์ Philippine DMR 1 ในปี พ.ศ.
ได้ด�าเนินการปรับปรุงพันธุ์โดยวิธีการคัดเลือกรุ่นลูกผสม ๒๕๑๖ จากนั้นน�าไปผสมกับต้นที่ออกดอกเร็วของพันธุ์ Thai
ตัวเอง ๑ ชั่ว (S1 family selection) ในปี พ.ศ. ๒๕๑๔ Composite # 1 early DMR (S) C0 จากนั้นได้รับการ
ในระหว่างการปรับปรุงพันธุ์นั้นได้เกิดโรคราน�้าค้างระบาด ปรับปรุงพันธุ์โดยวิธีการคัดเลือกรุ่นลูกผสมตัวเอง ๑ ชั่วอีก
จึงได้ท�าการผสมพันธุ์ไทยคอมพอสิตเบอร์ ๑ ซึ่งได้ปรับปรุง ๔ รอบ และศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติได้ส่งเสริม
แล้ว ๑ รอบ กับพันธุ์ต้านทานโรคราน�้าค้างจากประเทศ ให้เกษตรกรปลูกในนามพันธุ์สุวรรณ ๒ ต่อมาพันธุ์นี้ได้รับ
ฟิลิปปินส์ ๒ พันธุ์ คือ Philippine DMR 1 และ Philippine การปรับปรุงพันธุ์ถึงรอบคัดเลือกที่ ๘
DMR 5 แล้วผสมกลับไปยังพันธุ์ไทยคอมพอสิตเบอร์ ๑ รอบ พันธุ์สุวรรณ ๓ ให้ผลผลิตเฉลี่ย ๘๘๒ - ๑,๑๓๗
คัดเลือกที่ ๒ และ ๓ จ�านวน ๒ และ ๑ ครั้งตามล�าดับ ได้เป็น กก./ไร่ ปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมทั่วไป ต้านทานโรครา
พันธุ์ไทยคอมพอสิตเบอร์ ๑ ดีเอ็มอาร์ (Thai Composite น�้าค้าง และโรคราสนิมมีอายุเก็บเกี่ยว ๑๑๐ - ๑๒๐ วัน มีความ
# 1DMR BC3) และได้รับการปรับพันธุ์โดยวิธีการคัดเลือก สูงต้นประมาณ ๒.๐๐ - ๒.๒๐ เมตร มีระบบรากและล�าต้น
รุ่นลูกผสมตัวเอง ๑ ชั่ว อีก ๒ ครั้ง ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ พันธุ์นี้ แข็งแรง ใบยังคงมีสีเขียวเข้มขณะที่เปลือกหุ้มฝักแห้ง เมล็ดมี
สีส้มเหลืองชนิดหัวแข็งถึงกึ่งหัวแข็ง
พันธุ์สุวรรณ ๔ ให้ผลผลิตเฉลี่ย ๘๓๙ - ๑,๑๖๘
กก./ ไร่ ต้านทานโรคราน�้าค้างและโรคราสนิมได้ดี อายุเก็บเกี่ยว
๑๑๐ - ๑๒๐ วัน มีล�าต้นสูงใหญ่ ต้นสูงประมาณ ๒.๑๐ - ๒.๔๐
เมตร มีระบบรากและล�าต้นแข็งแรง ใบยังคงมีสีเขียวเข้ม
ขณะที่เปลือกหุ้มฝักแห้ง มีฝักใหญ่ และยาวสม�่าเสมอเมล็ด
มีสีส้มเหลืองชนิดหัวแข็งถึงกึ่งหัวแข็ง
พันธุ์สุวรรณ ๕ เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเมล็ด (grain
yield) สูงพันธุ์หนึ่ง มีล�าต้นสูงใหญ่ใบกว้างและยาวเหมาะใน
การท�าพืชอาหารสัตว์โดยน�าเอาทั้งต้นมาหมัก (corn silage)
11