Page 26 - คู่มือพืช - ไร่
P. 26
คู่มือพืชไร่ - นา
ความต้องการน�้า เพื่อให้สารเคมีเคลือบเมล็ดได้ดี ส�าหรับการปลูกข้าวโพดไร่
ข้าวโพดก็เหมือนกับพืชไร่ชนิดอื่นโดยทั่ว ๆ ไป ซึ่ง ไม่จ�าเป็นต้องใช้สารเคมีเอพรอน ๓๕% คลุกเมล็ดเพราะ
ถ้าต้องการให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงต้องมีน�้าเพียงพอตลอดอายุ ขณะนี้มีพันธุ์ต้านทานต่อโรคนี้ และให้ผลผลิตสูงอยู่แล้ว
ของพืชแต่ปริมาณความต้องการน�้าในระยะต่าง ๆ จะไม่เท่ากัน แต่ส�าหรับข้าวโพดหวานหรือข้าวโพดรับประทานอื่น
ในระยะแรกของการเจริญเติบโต ข้าวโพดต้องการน�้าไม่มากนัก ซึ่งไม่ต้านทานต่อโรคราน�้าค้าง ควรคลุกเมล็ดด้วยสารเคมี
ความต้องการน�้าค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามอายุ และสูงที่สุดในช่วง ดังกล่าว
ออกดอก และช่วงระยะต้นของการสร้างเมล็ด หลังจากนั้น ๒. โรคใบไหม้
การใช้น�้าของต้นข้าวโพดค่อย ๆ ลดลง ถ้าขาดน�้าในระยะ พบทั่วไปสองชนิดคือ (๑) Southern corn leaf
ออกดอกจะให้ผลผลิตลดลงมาก ดังนั้นต้องเลือกวันปลูก blight เกิดจากเชื้อรา Helmithosporium maydis โรคนี้
ที่เหมาะสมเพื่อให้ข้าวโพดเจอแล้งตอนออกดอก โดยเฉพาะ พบในข้าวโพดที่ปลูกโดยทั่วไป อาการเริ่มโดยเป็นจุดเล็ก ๆ
อย่างยิ่งตอนออกดอกตัวเมีย เรื่องการเลือกวันปลูกอาจท�ายาก แล้วค่อยขยายออกตามความยาวของใบ ขอบแผลสีน�้าตาล
ในทางปฏิบัติ แต่ถ้าดูข้อมูลการตกและกระจายของฝนภายใน ขนาดของแผลไม่แน่นอน โดยทั่วไปโรคนี้ไม่ท�าลายเสียหาย
ท้องถิ่นจากหลาย ๆ ปี และคอยติดตามข่าวคราวก็พอจะช่วย รุนแรงถึงขั้นมีความส�าคัญทางเศรษฐกิจ และ (๒) Norther
ในการตัดสินใจเกี่ยวกับเวลาปลูกที่เหมาะสมได้ดีขึ้น corn leaf blight เกิดจากเชื้อรา Helminthosporium
turcicun อาการของโรคมีลักษณะใบไหม้เป็นทางยาวรี
โรค หัวท้ายเรียวคล้ายรูปกระสวย โรคนี้ไม่ท�าลายเสียหายรุนแรง
โรคที่สามารถท�าความเสียหายให้กับข้าวโพดมีหลาย ถึงขั้นมีความส�าคัญทางเศรษฐกิจ
ชนิดด้วยกัน และเกิดที่ส่วนต่าง ๆ ทั้งที่ใบ ล�าต้น ก้านใบ ๓. โรคใบจุด (Leaf spot)
เมล็ด และอื่น ๆ แตกต่างกัน นอกจากนั้นอาจเกิดที่ระยะการ โรคนี้เกิดจากเชื้อรา Curvularia lanara พบมาก
เจริญเติบโตที่แตกต่างกันอีกด้วย ความเสียหายของพืชจาก ในแหล่งปลูกข้าวโพดที่อากาศร้อนชื้นโดยมีอาการที่ใบมีจุด
โรค นอกจากจะขึ้นกับชนิดของโรคที่เป็นแล้ว ยังขึ้นกับความ สีอ่อน ๆ จุดนี้ ในขั้นสุดท้ายจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
รุนแรงของการเป็นโรคด้วย ๐.๕ เซนติเมตร
โรคข้าวโพดที่ส�าคัญมีดังนี้ ๔. โรคเน่าที่ฝักและเมล็ด
๑. โรคราน�้าค้าง (Downy mildew) โรคนี้เกิดจากเชื้อราหลายชนิด ระบาดมากในท้องที่
เป็นโรคที่ท�าความเสียหายให้แก่ข้าวโพดที่ปลูก ที่ร้อนชื้น ท�าให้เมล็ดเน่า ผลผลิตและคุณภาพเมล็ดก็ลดลง
ในประเทศไทยมากที่สุด ท�าลายต้นข้าวโพดตั้งแต่ระยะกล้า นอกจากนี้ เชื้อโรคที่ท�าให้ฝักและเมล็ดเน่า ๆ บางชนิด เช่น
ไปจนถึงระยะออกดอก โรคนี้จะระบาดมากแก่ต้นข้าวโพด เชื้อรา Aspergillus spp. สามารถสร้างสารพิษ aflatoxin
ที่ปลูกในฤดูปลายฝน อาการของโรคคือ ต้นข้าวโพดจะมีใบขาว ซึ่งเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน�้านม และไม่เป็นที่ต้องการ
เขียวอ่อน หรือเหลืองอ่อน เป็นแถบตามความยาวของใบ ของตลาด
ส่วนยอดและดอกแตกเป็นพุ่ม หรือก้านฝักยาวและมีฝัก
หลายฝัก เป็นกระจุกแต่เป็นฝักที่ไม่สมบูรณ์ โรคราน�้าค้าง แมลงและศัตรูอื่น ๆ
เกิดจากเชื้อรา Sclerospara sorghi แมลงและศัตรูอื่น ๆ ที่ท�าความเสียหายให้กับข้าวโพด
การป้องกัน เกษตรกรควรใช้พันธุ์ต้านทานปลูก มีหลายชนิดด้วยกัน ในแต่ละระยะการเจริญเติบโตของ
เช่น พันธุ์สุวรรณ ๑ สุวรรณ ๒ เป็นต้น หรือการใช้สารเคมี เช่น ข้าวโพด เมื่อพบว่าข้าวโพดมีแมลงและศัตรูท�าลายถึงขั้นที่
ไรโดมิลซึ่งมีชื่อทางการค้า เอพรอน หรือเอพรอน ๓๕% โดย จะเป็นผลต่อผลผลิตอาจป้องกันก�าจัดได้ ระยะข้าวโพด
ใช้คลุกกับเมล็ดก่อนปลูกในอัตราสารเคมี ๗ กรัมต่อเมล็ด อายุ ๑ - ๒ สัปดาห์ ใช้น�้าไร่ละ ๓๐ - ๔๐ ลิตร อายุ ๓ - ๔
หนึ่งกิโลกรัม ในการคลุกเมล็ดควรให้สารเหนียวผสมด้วย สัปดาห์ ใช้น�้าไร่ละ ๔๐ - ๕๐ ลิตร อายุ ๔ - ๖ สัปดาห์
15