Page 24 - คู่มือพืช - ไร่
P. 24
คู่มือพืชไร่ - นา
การเขตกรรม
การเตรียมดิน
การเตรียมดินมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อท�าให้สภาพ
ของดินเหมาะแก่การงอกและการเจริญเติบโตของต้นข้าวโพด
โดยท�าให้ขนาดของก้อนดินเล็กลง เพื่อให้เมล็ดพืชกับดินมี
การสัมผัสที่ดี ท�าให้ดินมีอากาศถ่ายเทสะดวก ช่วยกลบเศษพืช
และวัสดุอื่น ๆ ลงในดิน ช่วยก�าจัดวัชพืชรวมทั้งโรคและแมลง
ช่วยให้ดินดูดซับน�้าได้ดีขึ้นและช่วยลดการชะล้างดินจากการ
กระท�าของน�้า การเตรียมดินที่ดีแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของ
ฤดูปลูก ดินและปัจจัยอื่น ๆ
ฤดูปลูกข้าวโพดในประเทศไทยมีสองฤดูด้วยกัน คือ การเตรียมดินมีทั้งการไถและการพรวน ในดินเหนียว
ฤดูปลูกต้นฝนและฤดูปลูกปลายฝน จ�านวนครั้งของการไถพรวนจะมากกว่าดินร่วน และดินปน
ฤดูปลูกต้นฝน เริ่มประมาณเดือนเมษายน และ ทราย หลักในการเตรียมดินก็เพื่อท�าให้ดินอยู่ในสภาพที่เหมาะ
พฤษภาคม ขึ้นกับการตกและการกระจายของฝนในท้องถิ่น สมต่อการปลูกพืช การเตรียมดินที่ปฏิบัตินอกเหนือไปจากนี้
กสิกรนิยมปลูกข้าวโพดในฤดูปลูกต้นฝนมากกว่าฤดูปลูก เพื่อให้แปลงปลูกดูสะอาดสวยงาม นอกจากเป็นการไม่จ�าเป็น
ปลายฝน ทั้งนี้เนื่องจากได้ผลผลิตสูงกว่า ไม่มีโรคราน�้าค้าง แล้วยังมีผลเสียอีกด้วยคือ ท�าให้ดินแน่นโดยเฉพาะดินล่าง
ระบาดท�าความเสียหาย รวมทั้งมีปัญหาเกี่ยวกับวัชพืชน้อยกว่า ในการไถควรไถให้ลึกประมาณ ๑๕ - ๒๐ ซม. ถ้ามีการไถ ๒ ครั้ง
ฤดูปลูกปลายฝน ควรท�าให้ห่างกันประมาณ ๗ - ๑๐ วัน เพื่อเป็นการตากดิน
ฤดูปลูกปลายฝน เริ่มประมาณกรกฎาคม หรือสิงหาคม และเป็นการช่วยปราบวัชพืชไปในตัวถ้าเป็นที่ลาดเทการไถ
การปลูกข้าวโพดในฤดูนี้ ต้องใช้พันธุ์ที่มีความต้านทานต่อ ครั้งสุดท้ายควรให้ขวางกับแนวลาดเทหลังจากการไถควร
โรคราน�้าค้าง เพราะเป็นฤดูปลูกที่โรคราน�้าค้างระบาดท�าความ มีการพรวนเพื่อย่อยเม็ดดินให้มีขนาดเล็กลงและร่วนซุย
เสียหายให้แก่ข้าวโพดมากโดยเฉพาะแปลงที่ปลูกล่า เหมาะแก่การงอกและการเจริญเติบโตของต้นกล้า
หลักในการพิจารณาเกี่ยวกับฤดูปลูกข้าวโพด นอกจาก การเตรียมดินที่ไม่ต้องมีการไถพรวน หรือมีการไถ
พิจารณาจากผลผลิตที่ได้และความสะดวกในการปฏิบัติแล้ว เพียงเพื่อท�าแถวปลูกเท่านั้น วิธีการปลูกข้าวโพดในแปลง
ต้องพิจารณาเกี่ยวกับคุณภาพของเมล็ดข้าวโพดที่เก็บเกี่ยว ที่เตรียมดินแบบนี้จะได้ผลต่อเมื่อมีการใช้สารเคมีก�าจัดวัชพืช
ด้วย ข้าวโพดที่เก็บได้จากการปลูกฤดูปลูกต้นฝนนั้นคุณภาพ โดยมีสารเคมีหลัก คือ กรัมม็อกโซนหรือพาราควอท แล้ว
ของเมล็ดต�่า กล่าวคือ เมล็ดเก็บเกี่ยวขณะที่ความชื้นของ มีการใช้สารเคมีปราบวัชพืชชนิดอื่นที่เหมาะสมควบคู่กันไป
อากาศสูงท�าให้เกิดเชื้อราซึ่งสร้างสารพิษอะฟลาทอกซิน ด้วย ขึ้นกับชนิดของวัชพืชที่ขึ้นในการปลูกที่ไม่มีการไถพรวน
ในปริมาณสูง จนก่อให้เกิดปัญหาการรับซื้อจากตลาดต่าง เลยนั้น ถ้ามีวัชพืชหรือพืชที่ปลูกในฤดูก่อนสูงมากก็อาจใช้
ประเทศ ส่วนเมล็ดข้าวโพดที่เก็บเกี่ยวจากฤดูปลูกปลายฝน มีดฟันทิ้งเสียบ้าง แล้วฉีดกรัมม็อกโซนก�าจัดวัชพืช กรัมม็อก-
นั้นไม่มีปัญหาเกี่ยวกับสารพิษดังกล่าวหรือถ้ามีก็น้อย ทั้งนี้ โซนนี้จะไปท�าลายส่วนสีเขียวของพืชทั้งหมด จึงเป็นการท�าลาย
เนื่องจากการเก็บเกี่ยวกระท�าในขณะที่ความชื้นในอากาศต�่า วัชพืชที่มีอยู่แล้วก่อนปลูกข้าวโพดหลังจากฉีดกรัมม็อกโซน
รวมทั้งสามารถปล่อยให้เมล็ดแห้งเต็มที่ในแปลงปลูกก่อน ประมาณ ๒ - ๗ วัน ก็ปลูกข้าวโพดส�าหรับวัชพืชที่จะขึ้นมา
เริ่มเก็บเกี่ยว จากปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพของเมล็ดดังกล่าว ทีหลัง สามารถควบคุมหรือก�าจัดโดยใช้สารเคมีที่เหมาะสม
จึงแนะน�าให้ปลูกข้าวโพดในฤดูปลายฝน เช่น แอทราซีน อะลาคลอร์ เป็นต้น การปลูกข้าวโพดแบบ
13