Page 77 - ดินและปุ๋ย
P. 77
คู่มือ ดิน และ ปุ๋ย เอกสารเผยแพร่ สทพ.นทพ. ค.27
โดยลืมที่จะเติมความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินอย่าง
แต่ก่อน การใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีอย่างยาวนาน
40 - 50 ปี ได้ท�าให้ดินเพาะปลูกเสื่อมสภาพลง
อย่างมาก กลายเป็นดินที่แน่น แข็ง และเป็นกรด
รากพืชไม่สามารถชอนไชหาอาหารได้ดี ความ
เป็นกรดของดินท�าให้เกิดการละลายของธาตุ
อะลูมิเนียมออกมาแล้วดูดซึมเข้าทางรากพืช
ท�าให้พืชไม่แข็งแรงกลายเป็นโรคง่าย และเชื้อรา
ที่เป็นโรคพืชบางชนิดยังท�างานได้ดีในดินที่เป็น
กรดอีกด้วย ท�าให้เกษตรกรต้องใช้ปุ๋ยเคมีและ
สารเคมีเพิ่มมากขึ้นทุกปีท�าให้มีต้นทุนสูงขึ้น และ
ในขณะเดียวกัน การเผาท�าลายเศษพืชในแต่ละครั้ง
ก็ส่งผลให้อินทรียวัตถุและจุลินทรีย์ดินที่มีอยู่น้อย
พลอยสลายตัวหายไปอีก
เพื่อให้ความอุดมสมบูรณ์ของดินกลับคืนมา
เกษตรกรจึงควรงดการเผาเศษพืช และน�าเศษพืช
มาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพดีแล้วน�าไปปรับปรุง
บ�ารุงดินเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน เพิ่มความ
อุดมสมบูรณ์ให้กับดิน ที่จะส่งผลให้การใช้ปุ๋ยเคมี
และสารเคมีลดลง ซึ่งหมายถึงต้นทุนการผลิตก็จะลดลง มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ท�าให้มีผลก�าไรมากขึ้น
ตามไปด้วย ดินเพาะปลูกจะกลับมาเป็นดินด�าที่ฟูนุ่ม โครงสร้างเม็ดดินจะร่วนซุยขึ้น มีไส้เดือน
กลับคืนมาที่ช่วยการชอนไชของรากพืช พืชก็จะกลับมาแข็งแรง เกษตรกรและประชาชนจะมีสุขภาวะที่ดี
จากการลดควันพิษจากการเผาและลดการใช้สารเคมี
ผลของปุ๋ยอินทรีย์ที่มีผลต่อดินและผลต่อพืช
1. ด้านกายภาพของดินเพิ่มการเกาะตัวของอนุภาคดินให้เป็นเม็ดดินเพิ่มเสถียรของโครงสร้าง
ดิน ก่อให้เกิดสมดุลระหว่างช่องขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ รากพืชชอนไชได้ง่าย ดินทนต่อการชะล้าง
พังทลาย เพิ่มความสามารถในการอุ้มน�้า การแทรกซึมน�้า การซาบซึมน�้า และการระบายอากาศของดินดี
2. ด้านเคมีของดินเป็นแหล่งธาตุอาหารมีธาตุอาหารสมดุล ปลดปล่อยให้พืชอย่างช้า ๆ และ
ธาตุอาหารถูกชะล้างจากดินได้น้อยลง ท�าปฏิกิริยาเคมีกับไอออนของจุลธาตุในดิน เพิ่มความจุในการ
แลกเปลี่ยนไอออนบวกของดิน (CEC) ลดการตรึงฟอสฟอรัส พืชได้รับธาตุอาหารหลายธาตุ เมื่อใช้ปุ๋ย
เคมี พืชก็ตอบสนองต่อการใช้ปุ๋ยดี ให้ธาตุไนโตรเจน แต่ไม่มีผลตกค้างเป็นกรด เช่น ปุ๋ยแอมโมเนียม
70 ส�านักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย