Page 80 - คู่มือพืช - ไร่
P. 80

คู่มือพืชไร่ - นา




                    -  ครั้งที่สอง เก็บหลังจากครั้งแรกประมาณ ๕ วัน จะ      ๔. ก่อนปลูกจุ่มหน่อพันธุ์ให้ชุ่มในสารเคมีป้องกัน
              เก็บได้ประมาณ ๔๐ - ๖๐% ของผลทั้งหมด              เชื้อราที่แนะน�าไปแล้ว ควรป้องกันโรคนี้โดยการใช้สารเคมี
                    -  ครั้งสุดท้าย เก็บหลังจากครั้งที่สองประมาณ ๕ - ๗  ดังกล่าวฉีดพ่นที่ยอดทุก ๆ ๒ เดือน
              วัน โดยเก็บผลที่เหลือทั้งหมด                           ๒. โรคผลแกน

                                                                       เกิดจากเชื้อรา ๒ ชนิด โรคนี้จะพบมากในสับปะรด
              การไว้หน่อสับปะรด                                ที่แก่จวนจะเก็บผลได้แล้ว

                    หลังจากเก็บผลรุ่นแรกหมดแล้ว ให้ปฏิบัติดังนี้         อาการ
                    ๑. เก็บหน่ออุ้มลูก  ซึ่งจะเกิดพร้อม ๆ กับผลสับปะรด        ภายนอกผลไม่ค่อยแตกต่างจากสับปะรดที่ปกติ
              ออกไปจากแปลงปลูก                                 แต่เนื้อภายในผลจะแข็งเป็นไต มีบางส่วนเปลี่ยนเป็นสีน�้าตาล
                    ๒. ฟันใบทิ้งไปเสียบ้าง โดยฟันให้เหลือใบสูงจาก   เกิดอาการเป็นหย่อม ๆ หรือแพร่กระจาย ทั่วทั้งลูกก็ได้ ท�าให้
              พื้นดินเพียง ๑ คืบ ถ้าเป็นช่วงฝนแล้งให้ฟันใบให้สูงขึ้นมาอีก  ความหวานลดลง สับปะรดที่มีผลขนาดใหญ่จะเป็นโรคนี้

              เล็กน้อย การฟันใบนี้ช่วยให้หน่อแตกใหม่เร็วขึ้น หลังจากเก็บ  มากกว่าผลที่มีขนาดเล็ก
              หน่ออุ้มลูก และฟันใบออกแล้วสามารถเก็บหน่อได้อีก ๒ - ๓         การป้องกันก�าจัด
              ครั้ง เพื่อน�าไปขยายพันธุ์ได้ แต่ถ้าจะไว้หน่อเอาไว้พร้อม ๆ กัน       ๑. โดยลดปริมาณปุ๋ยยูเรีย ให้ใช้ตามอัตราที่แนะน�า

              ในช่วงเดียวกัน หลังจากเก็บหน่อครั้งสุดท้ายไปแล้ว         ๒. ใช้ปุ๋ยสูตร ๑๕-๑๕-๑๕ อัตรา ๔๐ กรัมต่อน�้า
                                                               ๒๐ ลิตร ฉีดพ่นทุก ๆ ๑๕ วัน ตั้งแต่ผลสับปะรดอยู่ได้ ๙๐ วัน
              โรค-แมลงศัตรูและการป้องกันก�าจัด                 จนก่อนเก็บเกี่ยวผล ๑ เดือน
                    ๑. โรคยอดเน่าหรือต้นเน่า                           ๓. ฉีดพ่นด้วยสารเตตรามัยซิน อัตรา ๒๕๐ ส่วน

                      เกิดจากเชื้อรา ๒ ชนิด ท�าความเสียหายร้ายแรง   ในล้านส่วน (ppm) ในช่วงที่ผลสับปะรด เริ่มพัฒนาจนถึงก่อน
              ให้กับสับปะรดที่ปลูกในพื้นที่ที่มีการระบายน�้าเลว หรือในช่วง  เก็บเกี่ยว
              ฝนตกชุก และระบาดรุนแรงมากเป็นพิเศษ ในพื้นที่ที่มีสภาพ     ๓. ไส้เดือนฝอย

              เป็นด่างคือระดับความเป็นกรด-ด่างของดินสูงกว่า ๕.๕ ขึ้นไป        จะท�าให้เกิดความเสียหายแก่ผลผลิตอย่างมาก
                      อาการ                                    โดยเฉพาะในสับปะรดรุ่นที่ ๒ หรือ ๓ มักจะมีอาการรากปม
                      ในแปลงสับปะรดที่มีอายุ ๒ - ๓ เดือน อาการ   ซึ่งเกิดจากไส้เดือนฝอยรากผมเป็นส่วนใหญ่ เมื่อไส้เดือนฝอยนี้
              เริ่มแรกจะเห็นใบสับปะรด เปลี่ยนจากสีเขียวสดเป็นเขียวอม  เข้าท�าอันตรายแก่สับปะรดแล้ว เชื้อราโรคเน่าจะเข้าไปท�าลาย

              เหลืองซีดปลายใบงอเกิดรอยย่นบริเวณตัวใบ ใช้มือดึงส่วนยอด   ซ�้าเติมได้
              จะหลุดติดมือโดยง่าย โคนใบที่เน่าจะมีสีขาวอมเหลือง และมี   การป้องกันก�าจัด
              ขอบสีน�้าตาล ส่งกลิ่นเหม็นเฉพาะตัว                       ๑. ขุดต้นและรากของสับปะรดที่แสดงอาการขึ้น
                       การป้องกันก�าจัด                        มาเผาท�าลาย

                      ๑. ปรับปรุงการระบายน�้าในแปลงปลูกให้ดี เช่น        ๒. หลีกเลี่ยงการปลูกสับปะรดซ�้าที่เดิม, ปลูกพืช
              ไถดินให้มีความลึกมากขึ้น การยกแปลงให้สูง การปรับระดับ   อื่นหมุนเวียน
              พื้นที่ให้ลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้น�้าขัง            ๓. ปลูกพืชที่มีความต้านทานต่อไส้เดือนฝอย เช่น
                      ๒. ควรใช้หน่อหรือตะเกียงปลูก             ดาวเรือง ถั่วลายโครตาเลีย เป็นต้น

                      ๓. ปรับระดับความเป็นกรด-ด่างของดินให้ลด          ๔. ใช้สารเคมีอบฆ่าไส้เดือนฝอยในดิน เช่น นีมากอน
              ต�่ากว่า ๕.๕ โดยใช้ก�ามะถัน หรือปุ๋ยที่มีฤทธิ์ตกค้างเป็นกรด   ดี-ดี-มิกซ์เจอร์ เป็นต้น
              เช่น แอมโมเนียมซัลเฟต





                                                            69
   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84   85