Page 52 - คู่มือพืช - ไร่
P. 52

คู่มือพืชไร่ - นา




                    การตรวจนับแมลงจะต้องรู้จักลักษณะของไข่ หนอน  สกปรกหรือเสียหาย ปุยฝ้ายที่ดีต้องสะอาดปราศจากใบหรือ
              และตัวแก่ของแมลงศัตรูฝ้าย ตลอดจนจุดที่แมลงมักเข้า ฝุ่นละอองเจือปน การเก็บเกี่ยวฝ้ายจึงต้องใช้คนเก็บเกี่ยว
              ท�าลายต้นฝ้าย ตัวอย่างเช่น การตรวจนับหนอนเจาะสมอ ๒ - ๓ ครั้ง ซึ่งใช้เวลานาน ๔๐ - ๖๐ วัน ในการเก็บแต่ละครั้ง
              ฝ้ายต้องท�าทุกส่วนของต้นฝ้ายโดยเฉพาะยอดอ่อน ดอก สมอ  อาจรอให้มีสมอแก่ ๖๐ - ๗๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ได้

              ส่วนเพลี้ยจักจั่นควรตรวจนับบริเวณใต้ใบของใบที่ ๒, ๓,     ส�าหรับในบางประเทศที่ใช้เครื่องจักรเก็บเกี่ยว จะ
              ๔, ๕, ๖ และ ๗ นับจากยอดอ่อนลงมา ส�าหรับเพลี้ยอ่อน มีการใช้สารเคมีท�าให้ใบร่วงเสียก่อนเรียกว่า (defoliation)
              ควรตรวจนับบริเวณใบอ่อนและยอดอ่อน ในการตรวจนับ  สารเคมีที่ใช้เรียกว่า defoliants หรือ desiccants เช่น

              ถ้าพบจ�านวนแมลงศัตรูมากกว่า ๒๐ ตัวต่อฝ้าย ๑๐๐ ต้น  ethaphon และ paraquat ทั้งนี้เพื่อให้ใบร่วงหล่นไปก่อน
              ให้รีบท�าการฉีดพ่นสารเคมีก�าจัดแมลงทันที แต่ถ้าพบแมลง  เมื่อสมอฝ้ายสุกแก่กว่า ๗๐ เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ก็ใช้เครื่องจักร
              ยังอยู่ในสภาพเป็นไข่ควรปล่อยทิ้งไว้ ๒ - ๓ วัน เพื่อรอให้ไข่ เข้าเก็บเกี่ยวจะได้ปุยฝ้ายที่สะอาด และการเก็บเกี่ยวง่ายขึ้น
              เจริญกลายเป็นตัวหนอนก่อน แล้วค่อยฉีดพ่นสารเคมีซึ่งจะให้    ปุยฝ้ายที่เก็บเกี่ยวจะเป็นปุยฝ้ายทั้งเมล็ดเรียกว่า
              ผลในการก�าจัดดีกว่า                              ฝ้ายปุยหรือฝ้ายดอก (seed cotton) ซึ่งส่วนใหญ่เกษตรกร

                                                               จะขายฝ้ายในลักษณะนี้
              ระบบการปลูกพืชร่วมกับฝ้าย

                    เนื่องจากฝ้ายเป็นพืชที่มีอายุยาวนาน และมีระยะการ การหีบฝ้ายและอัตเบล (Ginning and Bailing)
              ปลูกค่อนข้างห่างในตอนแรก ประกอบกับการปลูกฝ้ายไม่นิยม    การหีบฝ้าย หมายถึง การน�าปุยฝ้ายทั้งหมดมาหีบ
              ปลูกต้นฤดูฝนเลยทันที ท�าให้สามารถจัดระบบการปลูกพืชอื่น ด้วยเครื่องจักร (roller gin) เพื่อแยกเอาเมล็ดฝ้าย (cotton
              ร่วมกับกับฝ้ายได้ เช่น                           seed) และเส้นใยหรือปุยฝ้าย (lint) ออกจากกัน จากนั้นส่วน
                    ๑.  ปลูกพืชอายุสั้นก่อนปลูกฝ้าย เช่น ปลูกถั่วเขียว   ของเส้นใยจะถูกน�าไปอัตเบล (bailing) ให้มีขนาดประมาณ

              ถั่วเหลือง (เก็บเป็นถั่วแระ) ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดฝักอ่อน  ๓๑๒ กก. เพื่อส่งขายให้แก่พ่อค้าฝ้าย และโรงงานปั่นด้าย หรือ
              โดยปลูกพืชเหล่านี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน            โรงงานท�าผ้านวม ส่วนเมล็ดหรือเศษฝ้าย (fuzz) ก็จะน�าไป
                    ๒.  ปลูกพืชเหลื่อมฤดูฝ้ายโดยปลูกข้าวโพดก่อน แล้ว ขายเป็นเมล็ดพันธุ์ หรือขายให้แก่โรงงานสกัดน�้ามันพืช และ

              ปลูกฝ้ายตามเมื่อข้าวโพดมีอายุ ๘๐ - ๑๐๐ วัน       ส่งเศษฝ้ายบางส่วนออกนอกประเทศ
                                                                     การหีบดอกฝ้ายจะได้ปุยฝ้ายคิดเป็นน�้าหนักประมาณ
              การเก็บเกี่ยว                                    ร้อยละ ๓๐ - ๔๐ ของน�้าหนักปุยฝ้าย

                    ฝ้ายเป็นพืชผสมตัวเอง ซึ่งการผสมเกสร (pollination)
              จะเกิดขึ้นในขณะที่ดอกเริ่มบานท�าให้มีโอกาสผสมข้ามโดย
              กิจกรรมของแมลงเพียง ๖ - ๒ เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าปลูกห่างกัน
              ๑๐๐ เมตร แล้วพบว่า โอกาสผสมข้ามของฝ้ายมีเพียง ๐.๑

              เปอร์เซ็นต์
                    หลังการผสมเกสร ดอกฝ้ายจะพัฒนาเป็นสมอ (boll)
              ซึ่งสุกแก่ในเวลา ๕๐ วัน โดยสมอจะแตกอ้ามีปุยฝ้ายที่เจริญ
              เติบโตดันโผล่ออกมา การเก็บเกี่ยวปุยฝ้ายจึงควรท�าเป็น

              ประจ�าสม�่าเสมอ เพื่อป้องกันมิให้ปุยฝ้ายโดนแสงแดดหรือรับ
              ฝุ่นละออง ตลอดจนเพื่อป้องกันการถูกฝน ซึ่งจะท�าให้ปุยฝ้าย







                                                            41
   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57