Page 55 - คู่มือพืช - ไร่
P. 55
คู่มือพืชไร่ - นา
ผลต่อความหวานของอ้อยที่มีอายุเก็บเกี่ยว ๑๑ - ๑๒ เดือน เฉียงเหนือซึ่งมีธาตุโพแทสเซียมปานกลางมีการตอบสนองต่อ
อ้อยปลูกมีการตอบสนองต่อปุ๋ยไนโตรเจนดีกว่าอ้อยตอ ปุ๋ยโพแทสบางครั้ง ควรใส่ประมาณ ๑๕ - ๒๐ กก. K2O ต่อไร่
อาจจะเป็นเพราะว่าอ้อยปลูกมีการเตรียมดินก่อนปลูกท�าให้
รากสามารถมีการเจริญเติบโตได้ดีกว่า การปลูกอ้อย
จากการทดสอบปริมาณความต้องการธาตุอาหาร ฤดูปลูก
ไนโตรเจนในประเทศไทย พบว่า อ้อยปลูกควรใส่ไนโตรเจน การปลูกอ้อยในประเทศเราซึ่งอาศัยน�้าฝนเป็นส่วนใหญ่
๘ - ๑๒ กก. ไนโตรเจนต่อไร่ ส่วนอ้อยต่อที่ไม่มีการให้น�้า ได้ออกเป็น ๓ ฤดู คือ
ชลประทาน และมีการให้น�้าชลประทานประมาณ ๑๒ และ (๑) ปลูกต้นฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือน
๑๒ - ๒๔ กก. ไนโตรเจนต่อไร่ ตามล�าดับ กรกฎาคมหรืออาจจะล่าไปถึงเดือนกรกฎาคมหรืออาจจะล่า
ฟอสฟอรัส จะพบว่ามีมาในเนื้อเยื่อที่ก�าลังมีการเจริญ ไปถึงเดือนสิงหาคม ชาวไร่ในภาคกลางส่วนมากนิยมปลูกต้น
เติบโต มีความส�าคัญต่อการงอกของอ้อย ถ้ามีอย่างเพียง ฤดูฝน อย่างไรก็ตามการปลูกในช่วงฤดูกาลนี้ อาจจะมีปัญหา
พอแล้ว จะท�าให้รากและหน่อมีการเจริญเติบโตเร็ว มีรากและ เรื่องน�้ามากเกินไปในขณะที่อ้อยยังเล็กอยู่ ปัญหาวัชพืชและ
ล�าต้นแข็งแรง ถ้าขาดจะท�าให้มีรากเล็ก รากแขนงมีน้อยและ ปัญหาอ้อยไม่แก่เมื่อต้องส่งโรงงานซึ่งจะถึงเวลาปิดหีบ เป็นต้น
ไม่แข็งแรง ในกรณีที่ขาดธาตุฟอสฟอรัสรุนแรงจะท�าให้หน่อ เป็นอ้อยที่มีอายุระหว่าง ๘ - ๑๐ เดือน
อ่อนตายก่อนโผล่ขึ้นมาเหนือดิน อาการขาดธาตุฟอสฟอรัส (๒) ปลูกปลายฝนหรือปลูกเมื่อหมดฝน ระหว่างเดือน
อ้อยจะมีใบสีเขียวอมน�้าเงิน แสดงที่ใบสดมากกว่าใบแห้ง พฤศจิกายนถึงมกราคม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับฝนหมดช้าหรือเร็ว
เพราะเป็นธาตุที่ไม่เคลื่อนที่ ใบแคบและบาง แตกกอน้อย เป็นฤดูกาลที่ชาวไร่ในภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ระยอง นิยม
ล�าต้นจะเรียวเล็กไปทางยอดปล้องจะสั้นกว่าปกติ ปลูกกันส่วนมาก ส่วนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะนิยม
จากการวิเคราะห์ดินในประเทศไทยที่มีค่าฟอสฟอรัส ปลูกตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม ข้อดีของการปลูก
ต�่ามาก ๆ อ้อยจะตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ยฟอสเฟตในช่วง ในช่วงฤดูกาลนี้คือ ลดปัญหาเรื่องวัชพืชสามารถปลูกได้ตาม
๖ - ๑๐ กก. P2O5 ต่อไร่ ดินร่วนเหนียว และดินเหนียว ก�าหนดเวลาที่ต้องการท�าให้ได้อ้อยแก่พอดีเมื่อถึงเวลาเก็บ
ทางภาคกลาง มักมีฟอสฟอรัสอยู่ในปริมาณมากพอสมควร เกี่ยวและพบว่าให้ผลผลิตสูงด้วย อ้อยรุ่นนี้จะเก็บเกี่ยวได้
ควรให้ประมาณ ๔ - ๕ กก. P2O5 ต่อไร่ เมื่ออายุเกิน ๑๒ เดือน
โพแทสเซียม อ้อยต้องการในปริมาณมาก หน้าที่ส�าคัญ (๓) ปลูกหน้าแล้ง ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน
ของโพแทสเซียมมีหลายอย่างแต่ที่ส�าคัญคือ ช่วยในกระบวน สามารถท�าการเพาะปลูกได้เฉพาะในพื้นที่ที่มีน�้าซับหรือ
การสังเคราะห์แสง การเคลื่อนย้ายน�้าตาลการเคลื่อนที่ของน�้า มีความชื้นพอเพียงหรือในเขตที่มีน�้าชลประทาน วิธีการปฏิบัติ
จึงมีส่วนสัมพันธ์กับการเพิ่มปริมาณน�้าตาลในน�้าอ้อยท�าให้ จะต้องมีการเตรียมดินที่ดีโดยการปลูกลึก กลบให้หนาเนื่องจาก
อ้อยมีคุณภาพดี ถ้าขาดธาตุโพแทสเซียม ต้นอ้อยจะแคระ ต้องการให้ท่อนพันธุ์ได้สัมผัสกับความชื้นที่อาจจะเป็นปัญหา
แกร็น ล�าเล็ก ใบแก่จะมีจุดสีเหลืองส้มและกลายเป็นสีน�้าตาล ในฤดูแล้งมีพื้นที่เพาะปลูกอยู่ในภาคกลางและภาคตะวันตก
(แสดงอาการที่ใบแก่ เนื่องจากธาตุโพแทสเซียมจะเคลื่อนที่ไป อ้อยที่ได้เป็นอ้อยอายุ ๘ - ๑๒ เดือน
ยังส่วนที่ก�าลังเจริญได้) จะแห้งตายจากปลายใบและขอบใบ
เข้ามายังแกนกลางใบ ส่วนผิวของแกนกลางใบจะเป็นสีแดง การเตรียมดิน
ในแง่ของคุณภาพจะมีน�้าตาลซูโครสในน�้าอ้อยน้อยลง อ้อยสามารถเจริญเติบโตในดินหลายชนิด แต่จะต้อง
ดินเหนียวและร่วนเหนียวทางภาคกลางมีโพแทสเซียม รู้ลักษณะของดินแต่ละแห่งโดยเฉพาะในเรื่องของชั้นดิน
สูงมาก จึงพบว่าอ้อยไม่ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ยโพแทส เช่น ดินที่มีชั้น plow pan การไถด้วยไถดินลึก (subsoiler)
แต่เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์แนะน�าให้ใส่อัตรา ๕ - ๑๐ กก. นับว่าเป็นสิ่งจ�าเป็นเนื่องจากอ้อยเมื่อปลูกแล้วสามารถไว้ตอ
K2O ต่อไร่ ส่วนดินทางภาคตะวันออก และภาคตะวันออก ได้นานโดยเฉลี่ยลึก ๓ ปี จึงมีการรื้อปลูกใหม่ ในกรณีที่ไม่มี
44