Page 58 - คู่มือพืช - ไร่
P. 58

คู่มือพืชไร่ - นา




                                                               การปลูกซ่อม
                                                                     หากมีการเลือกท่อนพันธุ์ที่ดีและปลูกอย่างเหมาะสม
                                                               แล้วจะท�าให้อ้อยงอกไม่จ�าเป็นต้องมีการซ่อม แต่ถ้าหากว่า
                                                               จ�าเป็นต้องมีการปลูกซ่อมเนื่องจากบางส่วนไม่งอกจะต้องท�า

                                                               ภายใน ๒ - ๓ สัปดาห์ภายหลังปลูก การซ่อมด้วยท่อนพันธุ์
                                                               หรือชิ้นตาที่ช�าให้งอกแล้วจะดีกว่าการใช้ท่อนพันธุ์ที่ไม่ได้ช�า
                                                               ชาวไร่บางรายใช้วิธีแยกหน่อ ออกจากอ้อยในแปลงเดียวกัน
                                                               ซ่อมซึ่งสามารถใช้ได้ดี


                                                               การใส่ปุ๋ยแต่งหน้าหรือใส่ปุ๋ยครั้งที่ ๒
              เติบโตช้ามากในระยะ ๑ - ๒ เดือนแรก จึงถูกวัชพืชตั้งตัว     หลังจากที่มีการใส่ปุ๋ยรองพื้นขณะที่มีการเตรียมดิน
              ได้ก่อนสามารถแก่งแย่งปัจจัยในการเจริญเติบโตไปจากอ้อย  ดังได้กล่าวมาแล้ว เพื่อให้อ้อยมีการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ควร
              ได้มากกว่าพืชไร่หลายชนิด ในทางปฏิบัติการป้องกันก�าจัด  จะมีการให้ปุ๋ยครั้งที่ ๒ เมื่ออ้อยมีอายุประมาณ ๒ เดือนหลัง
              กระท�าได้หลายวิธี ได้แก่                         จากปลูกหรือเมื่ออ้อยเข้าสู่ระยะย่างปล้องหรือแตกกอ ปุ๋ยที่ใส่

                    -  วิธีเขตกรรม เช่น การเตรียมดินให้ดีมีการไถคราด  อาจะเป็นปุ๋ยไนโตรเจนอย่างเดียว เช่น ยูเรีย ๔๖% N อัตรา
              เก็บเศษวัชพืชออกไปให้มากที่สุด การใช้แรงงานคนถากหญ้า  ๕๐ - ๑๐๐ กก.ต่อไร่ หรือปุ๋ยสูตรตามที่กล่าวมาแล้วโดย
              ระหว่างแถวและระหว่างกอ ๒ - ๓ ครั้ง จนใบอ้อยใบเริ่ม   ใส่ลึกลงไปในดินแล้วกลบหลังร่องด้วยการทะลายดินระหว่าง
              คลุมดิน โดยในครั้งสุดท้ายอาจจะใช้วิธีไถพรวนพลิกวัชพืช  ร่องกลบโคนอ้อยท�าให้พื้นดินเสมอกัน ในบางแห่งนิยมพูน

              ให้ลอยขึ้นข้างบนและจะเป็นการสะดวกต่อการใส่ปุ๋ยด้วย    โคนอ้อยให้สูงขึ้น
              ใช้วิธีการไถพรวนด้วยเครื่องทุ่นแรงในช่วงที่อ้อยอายุประมาณ
              ๑ - ๒ เดือน ซึ่งจะประหยัดแรงงานและค่าใช้จ่ายมากกว่า   การเก็บเกี่ยวอ้อย
              ใช้แรงคนถากหญ้า                                        เนื่องจากอ้อยเป็นวัตถุดิบส�าหรับโรงงานท�าน�้าตาล

                    -  การปลูกพืชแซม  (intercropping)  โดยปลูกระหว่าง  การเก็บเกี่ยวอ้อยจึงต้องสัมพันธ์กับการเปิดหีบอ้อยซึ่ง
              แถวอ้อยซึ่งมีระยะห่างกัน ๑๒๐ - ๑๕๐ ซม. โดยใช้พืชอายุสั้น   จะเปิดหีบเฉพาะในช่วงที่มีอ้อยแก่มีความหวานสูงและในช่วง
              เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง เก็บผักสด ข้าวโพดหวาน เป็นต้น   ดังกล่าวจะต้องมีปริมาณในการป้อนโรงงานโดยไม่ขาดสาย

              นอกจากจะช่วยก�าจัดวัชพืชแล้วยังเพิ่มรายได้อีกส่วนหนึ่งด้วย เกษตรกร และโรงงานจึงต้องร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ทั้งสอง
                    -  การใช้ไฟเผาในบางแห่งเมื่อเก็บเกี่ยวอ้อยไปแล้ว ฝ่าย โดยการวางแผนการท�างานอย่างเป็นระบบ ดังเช่น
              จะเผาท�าลายใบ ท�าให้เมล็ดและชิ้นส่วนของวัชพืชถูกท�าลาย    (๑)  เกษตรกรควรมีโควตาจากโรงงาน
              ไปส่วนหนึ่งแต่จะสูญเสียปริมาณอินทรียวัตถุส่วนหนึ่งไปด้วย    (๒)  พื้นที่ปลูกอ้อยจะต้องอยู่ในเขตอนุญาตของ
                    -  การคลุมดินโดยใช้เศษวัสดุเหลือใช้หรือวัสดุอื่น ๆ  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามหลักแล้วไม่ควรอยู่ห่างจาก

              เช่น พลาสติก กระดาษ แกลบ ขุยมะพร้าวคลุมดิน ในทาง โรงงาน  ๕๐  กิโลเมตร  เพราะถ้าอยู่ไกลเกินไปจะเสียค่าขนส่งสูง
              ปฏิบัติในไร่อ้อยยังไม่มีการใช้เนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก     (๓)  เกษตรกรจะต้องรู้จักก�าหนดว่าควรปลูกอ้อย
                    -  การใช้สารเคมีปัจจุบันได้มีการใช้อย่างกว้างขวาง  พันธุ์ใดโดยพิจารณาสภาพดิน ภูมิอากาศ เพื่อที่จะก�าหนดให้
              เพราะก�าจัดพืชได้ผลโดยมองในแง่การประหยัดเวลาแรงงาน  อ้อยสุกแก่พร้อมจะส่งเข้าหีบโดยที่อ้อยพันธุ์ใดโดยพิจารณา

              และค่าใช้จ่าย แต่ต้องไม่ลืมว่าสารเคมีมีผลกระทบต่อระบบ  สภาพดินภูมิอากาศ เพื่อที่จะก�าหนดให้อ้อยสุกแก่ พร้อมจะ
              นิเวศและความเป็นอยู่ของคนและสัตว์จะต้องมีการใช้   ส่งเข้าหีบโดยที่อ้อยต้องมีความหวานสูงสุดในช่วงที่กฎหมาย
              อย่างระมัดระวัง และเข้าใจในพิษภัยของสารเคมีเป็นอย่างมาก   อนุญาตให้โรงงานน�้าตาลเปิดหีบคือ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-
              จึงจะเกิดความปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม      พฤษภาคม



                                                            47
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63